มีปัญหาผิวทำอย่างไรดี? ใครที่มักมีปัญหาผิว ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย ดูขาดน้ำ การทำงาน อายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมการใช้ชีวิต สภาพอากาศล้วนแล้วแต่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราสูญเสียความชุ่มชื่นในผิวไป การที่ผิวขาดน้ำจะทำให้เราสูญเสียเกราะป้องกันผิว ทำให้เรามักจะเจอกับปัญหาผิวต่างๆ ได้ง่าย หากใครที่มีปัญหาผิวแล้วมีความกังวลเรื่องของผิวแห้งขาดน้ำ ResiSKIN อยากจะแนะนำให้คุณได้รู้จักว่า มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยกู้คืนผิวแพ้ให้กลับมาดูดี และ สตรองอีกครั้ง มาทำความรู้จักดับมอยเจอร์ไรเซอร์ดีกว่าว่าจะช่วยกู้คืนผิวให้แข็งแรงได้อย่างไร!!!
ทำความรู้จัก มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ?
มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสารที่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้ง ไม่ลอก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วในร่างกายของเรามีมอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติ ซึ่งถูกสร้างอยู่ภายในผิวหนังจากต่อมไขมันของเราที่เรียกว่า “ความมัน” บนผิวนั่นเอง ในแต่ละคนก็จะมีความมันของผิวที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพผิว บางคนที่ผิวมันก็จะมีความมันบนผิวมากทำให้หน้ามันได้ง่าย ส่วนบางคนที่มีผิวแห้งก็จะมีความมันบนผิวน้อยทำให้ผิวแห้งได้ มอยเจอร์ไรเซอร์จะเป็นเสมือนเกราะความชุ่มชื้น ที่ช่วยล็อคไม่ให้ผิวไม่แห้งขาดน้ำ แต่บางครั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ในผิวก็อาจจะไม่เพียงพอ เลยทำให้เราจะต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มเติมในการช่วยเสริมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ยิ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น หรือ อยู่ในช่วงที่พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในผิว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สุ่มสี่สุ่มห้าได้นะคะ เพราะว่าเราจะต้องเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย แต่บางคนก็เข้าใจผิดว่าคนผิวมันที่มีน้ำมันในผิวจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มน้ำในผิวแต่ยิ่งผิวมันก็ยิ่งทำให้เป็นสิวได้ แต่อาจจะต้องเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวหลังล้างหน้า เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว ดังนั้นมอยเจอร์ไรเซอร์จึงจำเป็นมากกับคนที่มีปัญหาผิวที่มาจากการขาดน้ำ!!!
แต่ละสภาพผิวควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหน ?
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าสภาพผิวของแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน บางคนผิวมัน บางคนผิวแห้ง หากเราเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ไม่เหมาะกับผิวจะทำให้ปัญหาผิวที่จะดีขึ้นอาจจะยิ่งแย่ลงได้ โดยหลักๆ หน้าที่ของมอยเจอร์ไรเซอร์คือการเติมน้ำให้กับผิว แต่สำหรับบางคนก็ต้องการมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้แก่ผิว นอกจากนั้นเนื้อของมอยเจอร์ไรเซอร์ที่แตกต่างกันก็จะมีระดับความหนักของการให้ความชุ่มชื้นที่ต่างกันไปอีกด้วย เราจึงต้องเลือกให้เข้ากับสภาพผิวของตัวเรา
ผิวปกติ
สำหรับใครที่มีผิวปกติ ผิวธรรมดาๆ ที่ไม่แห้ง ไม่มันจนเกินไป ส่วนใหญ่คนที่มีผิวประเภทนี้จะเป็นคนที่ผิวจะค่อนข้างจะแข็งแรง ไม่แพ้ง่าย รูขุมขนก็จะไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป และ ไม่ค่อยจะเกิดปัญหาผิวได้มากนักเมื่อเทียบกับผิวประเภทอื่น หากคุณเป็นคนที่มีผิวในรูปแบบนี้ถือว่าคุณเป็นคนที่มีผิวที่ดี สามารถใช้เนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนก็ได้ จะใช้แบบบางเบาที่มีเบสเป็นน้ำอย่างเนื้อเซรั่ม เนื้อโลชั่น ที่ทำให้รู้สึกสบายผิว หรือ เนื้อแบบหนักอย่างเนื้อน้ำมันที่มีความชุ่มชื้นมากๆ ก็ได้แต่ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และ ปัจจัยต่างๆ ด้วย เพราะแม้ว่าผิวจะแข็งแรง แต่หากทามากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการอุดตัน หรือ ปัญหาผิวอื่นๆ ได้
ผิวมัน
หากใครที่มีผิวมันแสดงว่าคุณเป็นคนที่ผิวจะผลิตน้ำมันส่วนเกินในผิวออกมามากกว่าปกติ และ มักจะมีปัญหาผิวที่เกิดจากการที่ทำมันในผิวมากเกินไปอย่าง เช่น เป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง สำหรับใครที่เป็นคนผิวมันจะต้องเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะสม เพราะถึงแม้จะมีน้ำมันในผิวมากก็ตาม ควรจะเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่หนักหน้า และ ไม่ใช่เบสที่มีความเข้มข้นของความชุ่มชื้นสูงโดยเฉพาะเนื้อน้ำมัน แต่ควรจะเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีเบสเป็นน้ำที่มีความเบาบางมากกว่า เช่น เนื้อน้ำ เนื้อเซรั่ม เนื้อเจล เพราะไม่ทำให้หน้ามันจนเกินไป และ ไม่ทำให้เกิดสิว ปัญหาผิวอื่นๆ
ผิวแห้ง
สภาพผิวที่เหมาะสำหรับการใช้มอยเจอร์ไรเซอร์มากที่สุดนั่นก็คือคนที่มีผิวแห้งนั่นเอง เพราะคนที่ผิวแห้งมักจะเกิดจากการขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้งลอก เป็นขุยได้ง่าย และ อาจทำให้สีผิวหมองคล้ำได้ นอกจากนั้นหากไม่ดูแลจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสำหรับคนผิวแห้งควรจะเป็นเนื้อที่เข้มข้น เช่น เนื้อครีม เนื้อน้ำมัน เพื่อใช้สำหรับการเคลือบผิวให้เป็นเสมือนเกราะป้องกันความชื้นจากภายใน ไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไป และ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นยาวนาน แต่หากใครที่มีผิวแห้งมากๆ ก็อาจจะใช้เนื้อที่เน้นการเคลือบผิวอย่าง เนื้อขี้ผึ้ง หากเราเลือกใช้เนื้อหนักๆ ก็ต้องระวังเรื่องของการทาที่เยอะจนเกินไปด้วย
ผิวผสม
แต่สำหรับใครที่มีผิวผสมก็อาจจะลำบากหน่อย ในการใช้สกินแคร์แต่ละประเภทให้เหมาะกับผิว เนื่องจากเป็นการผสมกันระหว่างคนที่มีผิวมันบริเวณ T-zone บริเวณหน้าผาก จมูก คาง และ คนที่มีผิวแห้ง บริเวณหน้าแก้ม ผิวประเภทนี้จะทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมถึงรูขุมขนจะกว้าง ส่วนใหญ่มักจะไม่มีมอยเจอร์ไรเซอร์เฉพาะของคนที่มีผิวผสม ดังนั้นเราจะต้องเลือกใช้ให้ตรงตามจุด หากเป็นจุดที่มีผิวมันให้เลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีเนื้อเบาสบาย ไม่หนักหน้า อาจจะเลือกทั้งที่ให้ความชุ่มชื้นน้อยไปจนถึงปานกลาง เช่น เนื้อเซรั่ม เนื้อเจลเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตัน การเป็นสิว ส่วนที่มีผิวแห้งก็ให้ใช้เนื้อที่หักขึ้นมาหน่อยอย่าง เนื้อโลชั่น เนื้อครีม
ผิวแพ้ง่าย
ส่วนคนที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่ต้องเลือกให้ดีเป็นพิเศษ เพราะหากเลือกไม่ดีจะทำให้เกิดปัญหาผิวได้ง่าย และ ยังอาจจะทำร้ายผิวของคุณได้ ดังนั้นเนื้อของมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ง่ายจำเป็นจะต้องเลือกให้อ่อนโยนต่อผิว ต้องเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีสารระคายเคืองอย่าง สารปรุงแต่งสี กลิ่น พาราเบน สารสังเคราะห์ที่ทำให้เกิดการแพ้ต่างๆ และ จะต้องพยายามเลือกเนื้อที่ไม่หนักหน้า มีความบางเบา เช่น เนื้อเซรั่ม เนื้อน้ำ แต่ทางที่ดีถ้าเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เฉพาะผิวแพ้ง่ายได้ก็จะดีมาก
>>อ่าน มอยเจอร์ไรเซอร์ ทาตอนไหน ได้ที่นี่<<
เสริมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ ResiSKIN
มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสกินแคร์ที่ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้นในผิว และ สร้างเกราะความชุ่มชื้นเพราะล็อคน้ำในผิวไม่ให้หายไป นอกจากมอยเจอร์ไรเซอร์แล้ว เราอยากจะแนะนำผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% ที่เป็นสารที่จะช่วยในการปกป้องเซลล์ให้อยู่รอดจากมลภาวะ สภาพอากาศต่างๆ ที่ไม่เป็นใจ ซึ่งสารตัวนี้จะเข้าไปช่วยเพิ่มแรงยึดเหนี่ยว การเรียงตัวของโมเลกุลน้ำที่เป็นเสมือนการสร้างเกราะความชุ่มชื้นในผิว (Hydro complex) ซึ่งนอกจากจะป้องกันภายในแล้ว ยังป้องกันผิวจากภายนอกอีกด้วย ยิ่งผิวของเราสูญเสียน้ำในผิวไปยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ หากเราสูญเสียน้ำในผิวไปจะทำให้เราเกิดปัญหาผิวที่ตามมา เช่น การอักเสบของผิว การระคายเคือง เราจึงต้องเร่งสร้างเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนั้นเพราะว่าสภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน ResiSKIN เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม พาราเบน สารปรุงแต่งสังเคราะห์ต่างๆ มาในรูปแบบของเนื้อครีมที่บางเบาแต่ชุ่มชื้น ที่จะช่วย ช่วยปกป้องผิวจากทุกสภาวะ และ ยังป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่อยากมีผิวอิ่มน้ำ ผิวไม่แห้งลอก แต่ก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาผิว แม้จะมีผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ นอกจากนั้นความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์คือจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 7 วัน ซึ่งถือว่าตอบโจทย์คนผิวขาดน้ำมากๆ !!!
- สร้างเกราะป้องกันผิวจากสภาพแวดล้อมต่างๆ แม้ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ ช่วยให้ผิวสุขภาพดี (สามารถใช้กับผิวเด็กทารกที่ยังแข็งแรงไม่พอได้) ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่มีผดผื่น หรือ อาการแพ้
- ช่วยในการลดระดับความเสียหายของเซลล์ผิวจาก Visible Light , UVA และ UVB ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้แก่ผิว
- ช่วยป้องกันการเกิดจุดด่างดำจากมลภาวะต่างๆ โดยจะทำการลดระดับของการสร้างเม็ดสีที่สัมผัสมลภาวะลง
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นได้ยาวนานมากยิ่งขึ้นช่วยในเรื่องการลดเลือนริ้วรอย สามารถช่วยลดริ้วรอยได้แม้จะจุดที่อ่อนโยนอย่างบริเวณรอบดวงตา
- ช่วยในการลดการอักเสบของผิวที่เกิดความเสียหายจากปัจจัยต่างๆ
- ช่วยสำหรับคนที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน เซ็บเดิร์ม
ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น อิ่มน้ำเท่านั้น แต่ยังได้รับการปกป้องขั้นสุดให้ผิวสตรองไม่ถูกทำร้ายแม้ต้องสัมผัสกับมลภาวะก็ตาม ใครที่อยากเอาชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน!!! อยากมีผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ ผิวแข็งแรง สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ของ ResiSKIN ได้ที่ทุกช่องทางของเราไม่ว่าจะเป็นทาง Line หรือ Facebook ซึ่งมีขนาดให้ได้เลือกถึง 2 ขนาด
- หลอดเล็กขนาดทดลอง size 5 ml. เหมาะสำหรับคนที่อยากลอง หรือ ต้องการขนาดที่พกพาได้ง่าย พกติดกระเป๋าไปได้ทุกที่ พร้อมใช้ทุกเวลา ราคาเพียงหลอดละ 350 บาท
- หลอดใหญ่ขนาดจุใจ size 30 ml. สำหรับใครที่อยากใช้อย่างต่อเนื่อง อยากมีผิวอิ่มน้ำยาวนาน ไม่อยากมีปัญหาผิวมารบกวนเลือกไซส์นี้เลย จุใจแน่นอน ราคาเพียงหลอดละ 1,250 บาท
**พิเศษ ResiSKIN ขนาด 30 ml เหลือเพียง 1,050 บาท (จากราคาปกติ 1,250 บาท)**
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin
Shopee : ResiSKIN by QUALISK
Lazada : Qualimed
