เหมือนกันหรือแตกต่าง? เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย

เหมือนกันหรือแตกต่าง? เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย

เคยไหม? รักษาผื่น หรือผิวแห้งลอกที่เกิดจากการแพ้เท่าไหร่ก็ไม่หาย!! นั่นอาจเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่ไม่ใช่อาการที่เกิดจากผิวแพ้ง่าย แต่อาจจะเป็นอาการของ เซ็บเดิร์ม หนึ่งในโรคผิวหนังเรื้อรังที่หลายๆ คนมักจะเป็นได้ง่าย แต่ดูแลให้หายได้ยาก ซึ่งทั้งสองโรคนี้จะมีความคล้ายคลึงกันในบางอาการ หลายๆ คนจึงเกิดความเข้าใจผิด ทำให้เมื่อรักษาผิดวิธี หรือรักษาผิดโรคก็ส่งผลให้โรคที่เป็นอยู่ไม่หายสักที แล้วทั้งสองโรคนี้คืออะไร และมีความแตกต่างกันอย่างไร

วันนี้ ResiSKIN จะพามาหาคำตอบ พร้อมบอกวิธีสังเกตโรคง่ายๆ ที่จะทำให้คุณไม่เข้าใจผิดอีกต่อไป ใครที่มีอาการก้ำกึ่งว่าจะเป็นผิวแพ้ง่าย แต่รักษาไม่หายสักที หรือว่าจริงๆ แล้วเราเป็นเซ็บเดิร์มกันแน่ ถ้าไม่อยากพลาดความรู้ดีๆ ต้องอ่านบทความนี้เลย!!

ไม่อยากเป็นเซ็บเดิร์ม หรือ มีผิวแพ้ง่ายต้องใช้ ResiSKIN สั่งซื้อ คลิก!!!

 

มาทำความรู้จัก เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย กันก่อน ?

ก่อนอื่นเราจะต้องมาทำความเข้าใจ และทำความรู้จักเจ้าสองโรคนี้กันก่อน ว่าแต่ละโรคคืออะไร และเกิดจากอะไรกันแน่ มาเริ่มกันที่ “เซ็บเดิร์ม” ซึ่งอีกชื่อหนึ่งของเซ็บเดิร์มก็คือ โรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน โดยเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการที่ผิวหนังบริเวณต่อมไขมันเกิดการอักเสบ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งภายใน และภายนอก ที่จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการของเซ็บเดิร์มกำเริบขึ้นมานั่นเอง ส่วนใหญ่จะพบมากในคนที่มีผิวมัน ผิวผสม (ตามบริเวณที่เป็น T-Zone) และเป็นโรคผิวหนังที่รักษาไม่หาย แต่สามารถทำให้อาการสงบได้

ส่วน “ผิวแพ้ง่าย” เป็นประเภทหนึ่งของผิวที่เกิดจากการที่ผิวไวต่อสิ่งที่เข้ามากระตุ้น ทั้งสภาพแวดล้อม มลภาวะ และปัจจัยอื่นๆ ทำให้ผิวที่สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นเกิดอาการแพ้ง่ายขึ้นมานั่นเอง สำหรับคนที่มีผิวแพ้สามารถเป็นได้ทุกสภาพผิว และทุกคน แต่ผิวแพ้ง่ายสามารถรักษาให้หายได้ และถ้าดูแลผิวอย่างถูกวิธีก็จะทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

อาการของเซ็บเดิร์ม และ ผิวแพ้ง่าย เป็นอย่างไร ?

เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย

อาการของเซ็บเดิร์ม จะปรากฏบริเวณต่อมไขมันต่างๆ ทั้งบนใบหน้าตาม ข้างหู ข้างจมูก หัวคิ้ว และบริเวณหนังศีรษะ รวมไปถึงตามลำตัวส่วนบน ซึ่งอาการของเซ็บเดิร์มก็จะมีหลายประเภท แต่ละคนก็อาจจะมีอาการแตกต่างกันออกไป แต่หลักๆ อาการส่วนใหญ่จะมีดังต่อไปนี้

  • รู้สึกคัน และผิวแสบแดง จะรู้สึกคันบริเวณผิว ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง  และอาการแสบผิวที่เกิดจากการอักเสบของผิวที่ระคายเคือง หากระคายเคืองมากๆ อาจจะส่งผลทำให้มีอาการปวดร่วมด้วยได้
  • ผื่นแดง อาการผื่นแดงมักจะมีลักษณะเป็นผื่นที่ไม่มีขอบ หรือขอบไม่ชัดเจน ไม่เหมือนผื่นแพ้ทั่วไป ที่ขอบของผื่นจะมีความนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน เช่น แพ้โลหะ แพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้
  • ผิวแห้งลอก เป็นขุย ผิวจะมีลักษณะเป็นขุยละเอียดสีขาว หรือสีเหลือง กระจายตัวเหมือนกับรังแค เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากการขึ้นบนหนังศีรษะมาเป็นบริเวณใบหน้า และลำตัวแทน

แต่ถ้าเป็น อาการของผิวแพ้ง่าย ก็จะมีหลากหลายอาการเหมือนกันกับเซ็บเดิร์ม แต่ส่วนใหญ่อาการจะแสดงออกมาหลายอย่าง และมักจะมีอาการรวมกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการดังต่อไปนี้

  • ผิวแดง ลักษณะของผิวที่เปลี่ยนสีไปจะแสดงออกชัดเจน เมื่อสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่งถือว่าเป็นอาการแรกๆ ที่สามารถบอกได้เลยว่าผิวของคุณกำลังแพ้บางอย่างอยู่
  • มีอาการคัน และผิวแห้งลอก อาการต่อไปหลังจากผิวแดงแล้ว บางคนจะรู้สึกคันบริเวณผิว และบริเวณนั้นผิวอาจจะมีการแห้งลอก หรือเป็นขุยได้ เนื่องจากการสัมผัสสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ และผิวที่ขาดความชุ่มชื้น
  •  รู้สึกแสบผิว และผิวระคายเคือง พุพองได้ง่าย เมื่อผิวของเราเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง อาจจะทำให้รู้สึกแสบบริเวณผิว และหากแพ้รุนแรงมากๆ อาจส่งผลทำให้ผิวระคายเคืองรุนแรง จนเกิดเป็นแผลพุพองได้ ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการแพ้ที่รุนแรงจากพวกสารเคมีต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นสารเคมีต่างๆ

ตำแหน่งที่เกิดอาการต่างๆ

เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย

  • ตำแหน่งของอาการเซ็บเดิร์ม – ส่วนใหญ่มักจะขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันต่างๆ ตามใบหน้า ไรผม ต้นคอ หรือแผ่นหลัง แต่ส่วนใหญ่จะพบบนใบหน้าตามหัวคิ้ว ข้างจมูก และหัวตา โดยจะมีอาการผื่นแดง และผิวลอกเป็นขุย มักจะขึ้นตามบริเวณใบหน้า จึงทำให้บางคนเรียกโรคเซ็บเดิร์มว่าเป็น “โรครังแคขึ้นหน้า” เพราะผิวที่ลอกเป็นขุยจะกระจายเฉพาะบริเวณใบหน้าคล้ายๆ กับรังแคนั่นเอง
  • ตำแหน่งของอาการผิวแพ้ง่าย – จะสามารถเกิดได้กับทุกส่วนของร่างกาย ทั้งใบหน้า และลำตัว ขึ้นอยู่กับว่าผิวบริเวณไหนที่สัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ สัมผัสที่ผิวส่วนไหน ผิวส่วนนั้นก็แพ้ เช่น สัมผัสสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ที่แขน บริเวณแขนก็จะเกิดการแพ้ขึ้นมา แต่การแพ้จะมาก หรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่สัมผัส รวมถึงปริมาณของสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ที่ได้รับด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรค

สาเหตุของเซ็บเดิร์ม จริงๆ ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากหลายๆ คนก็เกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่สาเหตุหลักๆ ที่หลายคนมักจะเป็นนั่นก็คือ

  • พันธุกรรม – เพราะโรคนี้เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ทำให้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากมีเครือญาติเป็นโรคนี้ ก็อาจจะได้รับการถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม
  • โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง – แม้โรคนี้จะเกิดจากผิวบริเวณต่อมไขมันอักเสบก็ตาม แต่ถ้าหากผิวของคุณอ่อนแอ หรือโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะทำให้เป็นเซ็บเดิร์มได้ง่าย เพราะโครงสร้างผิวที่ดีจะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาผิวต่างๆ แต่ถ้าโครงสร้างผิวไม่ดีก็ทำให้เกิดปัญหาผิวได้ง่าย และเซ็บเดิร์มก็เป็นหนึ่งในปัญหาผิวนั้นๆ
  • สภาพอากาศ และการพักผ่อน – ปัจจัยภายใน รวมถึงภายนอกก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์มได้ โดยเฉพาะความเครียด และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ เพราะเมื่อเราพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง เป็นผลทำให้เกิดเซ็บเดิร์มขึ้นได้ รวมถึงสภาพอากาศต่างๆ ที่ไม่เป็นใจ เช่น อากาศที่ร้อนจัดๆ เนื่องจากเซ็บเดิร์มเป็นผื่นแพ้ที่เกิดบริเวณต่อมไขมัน เมื่ออากาศร้อนก็ทำให้เซ็บเดิร์มเกิด และลุกลามได้ง่าย
  • เชื้อราบนผิวหนัง – อีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นตัวการทำให้เกิดเซ็บเดิร์ม ดังนั้นใครมีเชื้อราบนผิวหนังต้องระวังให้ดี เพราะจะมีโอกาสเป็นเซ็บเดิร์มได้ง่ายกว่าคนที่มีผิวปกติ

ส่วนของ สาเหตุของผิวแพ้ง่าย ก็สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งการแพ้ในแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนเป็รผิวแพ้ง่ายเนื่องจากใช้สกินแคร์บางตัว หรือสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ต่างๆ ส่วนใหญ่สาเหตุมักจะมาจาก

  • โครงสร้างผิว และเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ – เมื่อผิวของเราอ่อนแอลง ก็จะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวที่เป็นเหมือนเกราะป้องกันผิวหายไป ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ยิ่งในคนที่มีผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว ถ้าโครงสร้างผิวอ่อนแอยิ่งทำให้ผิวที่สัมผัสสิ่งที่มากระตุ้น เกิดอาการแพ้ได้ง่าย และรุนแรงมากยิ่งขึ้น
  • สัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว – การสัมผัสสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว หรือเกิดอาการแพ้ สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจ เช่น ฝุ่นละออง ควัน เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น เครื่องประดับที่เป็นเงิน ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี เป็นต้น ซึ่งสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ในปัจจุบันก็มีหลากหลายชนิดมาก และในคนที่แพ้ก็ไม่ใช่จะแพ้ทุกอย่าง บางอย่างอาจจะแพ้ บางอย่างก็ไม่แพ้
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด – ยาบางชนิดจะส่งผลทำให้ผิวของเราบอบบาง และอ่อนแอลง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยา หรือการรักษานั้นๆ หากมีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษ

 

เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ?

เซ็บเดิร์ม vs ผิวแพ้ง่าย จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ?

ทั้งสองโรคนี้มีอาการ และสาเหตุบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน จึงทำให้หลายคนก็ยังคงแยกสองโรคนี้ไม่ออก พอมีอาการทีไรก็ต้องมาปวดหัวคิดว่าเป็นอะไรกันแน่ วันนี้เราเลยจะเอาวิธีสังเกตง่ายๆ ที่จะทำให้คุณสามารถแยกสองโรคนี้ออกจากกันได้มาฝาก

  • วิธีสังเกตแรก ให้เริ่มสังเกตจุดที่เกิดอาการก่อนว่าอยู่บริเวณไหน หากเกิดบริเวณต่อมไขมัน อย่างหัวคิ้ว ข้างจมูก ใบหน้า แสดงว่าเป็นเซ็บเดิร์ม แต่ถ้าเกิดบริเวณอื่นๆ ตามจุดที่สัมผัสสิ่งที่มากระตุ้นก็จะเป็นผิวแพ้ง่าย
  • วิธีสังเกตที่สองให้ดูว่าโรค และอาการที่เราเป็นอยู่หาย หรือดีขึ้นหรือไม่ เมื่อเราดูแลผิวให้ดี เพราะว่าถ้าเป็นผิวแพ้ง่ายเมื่อดูแลผิว อาการแพ้ก็จะค่อยๆ ดีขึ้น และหายไป แต่ถ้าเป็นเซ็บเดิร์มอาการจะไม่หายไปสนิท เมื่อมีสิ่งที่มากระตุ้นก็จะทำให้อาการกำเริบกลับมาอีกครั้ง
  • วิธีสังเกตที่สามดูสภาพผิวของเราประกอบว่าเป็นผิวแบบไหน เพราะถ้าเป็นเซ็บเดิร์ม ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่มีผิวมัน หรือผิวผสม (ผิวมันในช่วง T – Zone) เนื่องจากต่อมไขมันสามารถผลิตน้ำมันได้เยอะ เลยทำให้สามารถเป็นเซ็บเดิร์มได้ง่าย แต่ถ้าคุณเป็นผิวรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ค่อยมีความมัน เช่น ผิวแห้ง ผิวปกติ ก็มักจะเป็นผิวแพ้ง่ายมากกว่า
  • วิธีสังเกตที่สี่ลองสัมผัสสิ่งที่คิดว่าจะแพ้ เพราะถ้าเป็นเซ็บเดิร์มจะไม่เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองขึ้น เนื่องจากไม่ได้ส่งผลต่อต่อมไขมัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์ม แต่ถ้าสัมผัสแล้วเกิดอาการแพ้ แสดงว่าคุณเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย เพราะผิวแพ้ง่ายเมื่อสัมผัสสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ไปแล้ว จะแสดงอาการขึ้นชัดเจน

วิธีเหล่านี้เป็นเพียงวิธีในการสังเกตอาการเบื้องต้นเท่านั้น แต่ถ้าใครที่มีอาการแพ้ (อาการอื่นหนักๆ) หรือรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ ให้แพทย์วินิจฉัยให้ละเอียดอีกที เพื่อที่จะสามารถรักษาได้ตรงจุด

 

เอาชนะปัญหาผิว เซ็บเดิร์ม และ ผิวแพ้ง่าย ได้ด้วย ResiSKIN

เอาชนะปัญหาผิว เซ็บเดิร์ม และ ผิวแพ้ง่าย ได้ด้วย ResiSKIN

โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง นับว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดโรคเซ็บเดิร์ม และผิวแพ้ง่ายขึ้นมาได้ อีกทั้งปัญหาผิวไม่แข็งแรงยังทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมาได้หลายอย่างอีกด้วย ดังนั้นควรจะที่เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงก่อน ก็จะช่วยให้ปัญหาผิวต่างๆ ลดลง

อยากมีผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายต้องใช้ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว และช่วยในการแก้ปัญหาผิวจากเซ็บเดิร์ม และผิวแพ้ง่าย ให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และเมื่อใช้ต่อเนื่องจะช่วยในการป้องกันการกลับมามีปัญหาผิวซ้ำ

ตัวครีมเวชสำอางเป็นครีมที่เหมาะสำหรับ คนมีปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน ส่วนผสมในครีมที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ช่วยในการเติมความชุ่มชื้นในผิว และลดการระคายเคืองผิว อยากหายจากปัญหาผิวกวนใจต้องใช้เลย!!

 

  • มีส่วนผสมของ Extremolytes 7% สารสกัดลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศเยอรมัน ช่วยจบปัญหาผิวแห้ง แดง ผื่น คัน
  • ช่วยสร้างเกราะความชุ่มชื้นให้ผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรต่อผิว
  • ผิวแข็งแรงและชุ่มชื้นขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ ภายใน 7 วัน
  • ปราศจากสารสเตียรอยด์ น้ำหอม และสารกันเสีย สามารถใช้ต่อเนื่องในระยะยาว หมดกังวลสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

ชนะทุกปัญหาผิว อักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน ให้ผิวกลับมาดูดี และ สตรองอีกครั้ง จะปัญหาผิวแบบไหนก็เอาอยู่!!!

 

 

 

ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย

Facebook : ResiSKIN รีซิสกิน

Line : @resiskin

Shopee : ResiSKIN by QUALISK

Lazada : Qualimed

 

สมัครรับข่าวสารจากรีซิสกิน

* indicates required

ใส่ความเห็น